มุมมองและกลยุทธ์พอร์ต สำหรับปี 2024 odini Black Ultimate Allocation

มุมมองและกลยุทธ์พอร์ต สำหรับปี 2024

odini Black Ultimate Allocation

┏━━━━━━━━━━━━━┓

🎁รีบเลย! จะกองทุนทั่วไป หรือ กองทุนลดหย่อนภาษี ก็ได้ กับ โปรโมชัน DCA ที่แอปฯ FinVest รับเงินคืน สูงสุด 0.2%* ของยอดเงินลงทุนสะสมสุทธิ odiniapp.com/odini-แอบมาบอกโปรโมชั่น/

🔊ผู้ใช้งานแอปฯ odini สมัครเข้าใช้งานแอปฯ FinVest ได้ง่าย ๆ เพียง 4 ขั้นตอน https://www.finvest.co.th/application-register-finvest-odini/

🔊DCA ผ่าน odini ได้แล้ววันนี้ ลองเลย

┗━━━━━━━━━━━━━┛

 

กองทุนตราสารหนี้

 

กองทุนตราสารหนี้โลก UGIS-N (กองทุนหลัก PIMCO GIS Income) ตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนเป็นบวก (จนถึง ณ 15 พ.ย.) แม้ว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้โลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5-1.1% ในระหว่างปีที่ผ่านมา โดย

  • พัฒนาการของเงินเฟ้อชะลอตัวลง
  • ตลาดแรงงานคลายความร้อนแรง
  • ตลาดการเงินตึงตัวขึ้นจาก Term premium ที่เพิ่มขึ้น และ
  • เหตุการณ์ฮามาส-อิสราเอลที่มีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก

ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวลงจากจุดสูงสุด 5% ลงมาที่ 4.4% แม้กระทั่งผลตอบแทนพันธบัตรอายุสั้น 2 ปี ก็เริ่มปรับตัวลงและสะท้อนการคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024 – 2025

Source: Trading view

 

โดยมุมมองของทีมการลงทุนมองว่า

  • ภาวะที่กดดันกองทุนตราสารหนี้โลกมากว่า 2 ปีและการขึ้นดอกเบี้ยขนานแรงครั้งประวัติศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ จาก 0-0.25% เป็น 25-5.50% ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว และการถือกองทุนตราสารหนี้โลกต่อจากนี้จะให้ผลตอบแทนที่ดี

โดยพอร์ตเน้นเพิ่มสัดส่วนในช่วงที่อัตราผลตอบแทนอยู่ระดับประมาณ 4.00-4.70% และมีสัดส่วนประมาณ 25% ของพอร์ต โดยเน้นลงทุนผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income ที่มีการจัดการที่ดี อายุเฉลี่ยตราสารหนี้ในช่วงดอกเบี้ยต่ำอยู่ที่ประมาณ 1 ปีมีการปรับขึ้นมาเป็น 4.8 ปีในช่วงที่อัตราผลตอบแทนสูงสุด โดยกองทุนมีผลตอบแทนในรูปดอลลาร์ 8.23% ก่อนหักค่าใช้จ่าย เน้นตราสารที่มีความปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ตราสารที่รับกระแสเงินจากผู้ผ่อนบ้าน (Mortgage-backed) ที่ความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำ และหลีกเลี่ยงหุ้นกู้ความเสี่ยงสูง (High Yield) เป็นสำคัญ

ในขณะเดียวกันพอร์ตมีการลงทุนในตราสารหนี้ไทย กองทุน KKP S-PLUS เพื่อผลตอบแทนที่มั่นคงและสม่ำเสมอ และพร้อมจะเป็นสภาพคล่องได้ในอนาคต โดยกองทุน KKP S-PLUS มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีประมาณ 1.47% และดีในลำดับต้น ๆ ของกองทุนที่มีอายุเฉลี่ยใกล้เคียงกัน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยมาที่ 2.50% และมีแนวโน้มคงตัวในระดับนี้ต่อไป

Source: Bloomberg

พอร์ตโดยรวมจึงมีตราสารหนี้ประมาณ 35% เป็นตราสารหนี้โลก 25% ที่จะมีผลตอบแทนที่ดีในปี 2024-25 เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรโลกปรับตัวลง และกองทุนตราสารหนี้ไทย 10% ที่มีความสม่ำเสมอและไม่มีต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

 

กองทุนทองคำ

 

พอร์ตมีสัดส่วนกองทุนกองคำ TMBGOLDS ประมาณ 5% แม้ว่าภาวะดอกเบี้ยที่สูง จะไม่เอื้อต่อราคาทองคำมากนัก แต่

  • ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
  • และการปรับเปลี่ยนทุนสำรองของธนาคารกลางในบางประเทศเป็นทองคำมากขึ้น

สถานะของทองคำที่ใช้ป้องกันเงินเฟ้อและภาวะสงคราม ส่งผลให้ราคาทองคำอยู่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดที่ 2,000 ดอลลาร์ได้ โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี YTD และ 1 ปีของกองทุนทองคำ TMBGOLDS อยู่ที่ประมาณ 1.8% และ 4.0% ตามลำดับ

 

กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

 

กองทุน TMBGINFRA เน้นลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะบริการที่มีคู่แข่งน้อยรายทั้งจากข้อตกลงของภาครัฐ การประหยัดต่อขนาด และสามารถปรับขึ้นค่าบริการตามเงินเฟ้อได้ หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานมีกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจไม่มาก และราคาหุ้นมีความผันผวนต่ำ โดยราคากองทุนตั้งแต่ต้นปีปรับตัวลงเล็กน้อย -0.8% แม้ว่ารายได้จะสามารถปรับตามเงินเฟ้อได้ แต่ดอกเบี้ยที่สูงกดดันให้ราคาหุ้นไม่สามารถสะท้อนมูลค่าของกิจการได้

โดยทีมลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจาก

  • รายได้ที่สม่ำเสมอปรับได้ตามเงินเฟ้อ โดยเงินเฟ้อในอนาคตอาจมีแนวโน้มคงตัวที่ระดับประมาณ 2-4%
  • ลักษณะของบริการโครงสร้างพื้นฐานจะคิดจากเงินลงทุน ต้นทุนของเงินทุนและเงินเฟ้อ แม้ในอดีตที่เงินเฟ้อโลกต่ำมากไม่เกิน 2% หุ้นโครงสร้างพื้นฐานยังสามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นประมาณ 7%
  • และความผันผวนต่ำ
  • นอกจากนั้นสินค้าและบริการมีความจำเป็นและไม่สามารถทดแทนหรือมีคู่แข่งมากรายได้เช่นสนามบิน ทางด่วน สายส่งไฟฟ้าเป็นต้น

ดังนั้นหากสามารถรักษาการเติบโตปกติ และรอให้ภาวะดอกเบี้ยโลกลดต่ำลงในปี 2024 – 2025 ราคาหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานจะสะท้อนมูลค่าที่ดีของธุรกิจได้ถูกต้องและเหมาะสมมากขึ้น พอร์ตถือกองทุน TMBGINFRA ตั้งแต่ต้นปี 2022 และปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 9%

 

กองทุนหุ้น

 

พอร์ตมีสัดส่วนกองทุนหุ้นประมาณ 51% ดังนี้

กองทุนหุ้นรายประเทศ พอร์ตยังคงกระจายการลงทุนในประเทศจีน เวียดนาม และเพิ่มสัดส่วนหุ้นไทยและอินโดนีเซียเล็กน้อย โดยในอนาคตอาจพิจารณาประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น อินเดีย และญี่ปุ่น เป็นต้น

 

กองทุนหุ้นจีน

 

พอร์ตยังรอการฟื้นตัวของหุ้นจีนในสัดส่วนจำกัดประมาณ 12% โดยในรอบปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์และความเชื่อมั่นของภาคเอกชน รัฐบาลจีนยังคงหลีกเลี่ยงการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ จึงทำให้การฟื้นตัวเป็นไปได้อย่างเชื่องช้า อย่างไรก็ตามในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา

  • รัฐบาลจีนออกมาตราการสนับสนุนเพิ่มเติมเช่นออกพันธบัตรเพิ่มเติม 1 ล้านล้านหยวนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเพิ่มงบประมาณขาดดุลปี 2023 จาก 3.0% เป็น 8%
  • รวมถึงแผนการสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารกลางจีน (PBoC) เพื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ผ่านธนาคารเฉพาะกิจมูลค่า 1 ล้านล้านหยวนเช่นกัน

โดยทีมลงทุนคาดหวังว่าเราอยู่ที่จุดต่ำสุดของตลาดหุ้นจีนทั้งในมุมของเศรษฐกิจและการแทรกแซงจากภาครัฐ เริ่มมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เคยเห็นนักในรอบหลายปีนี้ น่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวในระยะถัดไป

Source: Trading view

 

กองทุนหุ้นเวียดนาม

 

พอร์ตมีสัดส่วนหุ้นเวียดนามอยู่ที่ 7% โดยตลาดหุ้นเวียดนามเผชิญปัจจัยลบตั้งแต่กลางปี 2022 เกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นกู้ภาคเอกชน ภาครัฐบาลเวียดนามได้มีการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆที่ออกมาเข้มเกินไป สถานการณ์จึงคลี่คลายลงในปี 2023 ทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวได้จากระดับ 1,000 จุด เป็น 1,250 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลงอีกครั้งจากความกังวลเศรษฐกิจโลก ภาวะดอกเบี้ยสูง การอ่อนตัวของค่าเงินด่องเวียดนาม และผลจากปัจจัยลบต่าง ๆ กระทบความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนและรายได้ของบริษัทจดทะเบียน ทีมลงทุนมีมุมมองที่ดีในการลงทุนเวียดนามระยะยาว จึงรอให้ปัจจัยลบระยะสั้นคลี่คลายลง หากปัจจัยลบดังกล่าวส่งผลรุนแรงต่อราคาหุ้นเกินความเป็นจริง ทีมอาจพิจารณาลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต

Source: Trading view

 

กองทุนหุ้นอินโดนีเซีย

 

พอร์ตเพิ่มสัดส่วนหุ้นอินโดนีเซียในช่วงเดือนสิงหาคม ประมาณ 4% ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่

  • มีประชากรจำนวนมากกว่า 270 ล้านคน อันดับที่ 4 ของโลก
  • ระบบเศรษฐกิจกำลังมีการพัฒนาตามลำดับ
  • สินเชื่อและการบริโภคเติบโตดี

แม้ว่านักลงทุนต่างชาติยังคงกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจอินโดนีเซียอาจชะลอตัวลงหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงจากเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ความเป็นจริงคือเศรษฐกิจอินโดนีเซียเติบโตโดยพึ่งพาการบริโภคในประเทศมากขึ้น และเริ่มมีบริษัทที่อิงกับเศรษฐกิจสมัยใหม่เข้ามาระดมทุนในตลาดทุน หนี้ครัวเรือนและหนี้ภาครัฐต่อ GDP อยู่ในระดับต่ำ ปัจจัยหลายอย่างเอื้อต่อความเติบโตในอนาคต แม้ปัจจัยบางเรื่องอาจเป็นความเสี่ยงและมีความชัดเจนไม่มากนัก เช่น ค่าเงิน การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่เราเชื่อว่าอินโดนีเซียจะกลายเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่ออาเซียนและและระบบเศรษฐกิจโลกในอนาคต แม้มูลค่าของตลาดทุนจะดูไม่ร้อนแรงเท่าประเทศอื่นที่นักลงทุนให้ความนิยม แต่ก็ทำให้พอร์ตได้เริ่มลงทุนในระดับราคาที่น่าสนใจ

Source: Trading view

 

กองทุนหุ้นไทย

 

พอร์ตเพิ่มสัดส่วนหุ้นไทยในช่วงเดือนสิงหาคมประมาณ 4% เช่นกัน ภายหลังตลาดปรับตัวลงตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 1,700 จุดมาประมาณ 1,500 จุด โดยการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นและมีนโยบายที่กดดันบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่น้อยลง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยลบเข้ามากดดันเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของตลาดหุ้นโลก เงินทุนไหลออก และความกังวลภาระหนี้ภาครัฐจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ พอร์ตเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นไทย ASP-SME ที่เน้นคัดเลือกบริษัทขนาดกลางเล็กที่มีคุณภาพและเติบโตได้โดดเด่นแม้ภาวะโดยรวมจะไม่เอื้ออำนวย แต่กองทุนมีทีมการลงทุนในหุ้นไทยที่มีความชำนาญ สามารถชนะดัชนีชี้วัดได้แม้ในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาลง เป็นกองทุนหุ้นไทยที่พอร์ตเคยเลือกใช้ในช่วงปี 2020-2021 ทีมการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงน้อยและยังคงมีผลงานที่โดดเด่น ตั้งแต่ต้นปีที่ดัชนี SET ปรับตัวลงกว่า -15% กองทุน ASP-SME ทำผลตอบแทนได้ดีปรับตัวลงเพียง -3% แม้ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนแต่เมื่อปัจจัยลบคลี่คลายไป เราเชื่อว่ากองทุนจะยังทำผลงานได้โดดเด่นดังเดิม

 

Source: Trading view

 

กองทุนรวมหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม

 

พอร์ตมีสัดส่วนกองทุนหุ้นประเภทอื่นได้แก่กลุ่ม Healthcare เพราะมีความทนทานต่อเศรษฐกิจขาลง ชดเชยเงินเฟ้อได้บางส่วน กลุ่ม Energy พลังงานดั้งเดิมเพราะหุ้นมีราคาไม่แพง มีกระแสเงินสดเยอะเทียบกับราคา และใช้ Hedge กรณีเมื่อเกิดภาวะสงครามหรือเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นรุนแรง รวมถึงกลุ่มพลังงานสะอาดเล็กน้อยเพราะมีแนวโน้มเติบโตดีแต่ราคาค่อนข้างผันผวน จึงมีสัดส่วนไม่มาก

 

กล่าวโดยสรุป

 

พอร์ตค่อนข้างมีความสมดุลและกระจายตัว ซึ่งเหมาะสมกับความผันผวนของตลาดที่สูง สัดส่วนหุ้นรวมหุ้นโครงสร้างพื้นฐานมีประมาณ 55-60% เน้นบริษัทที่กระแสเงินสดดี กิจการขนาดใหญ่มีความแข็งแรงมีคุณภาพ อาจมีบางส่วนที่เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก และธีมการลงทุนเฉพาะบางอย่าง แต่ไม่มากนัก มีสัดส่วนกองทุนทองคำและหุ้นน้ำมันบ้างเพื่อ Hedge ความเสี่ยง และกองทุนตราสารหนี้โลกและตราสารหนี้ไทยเพื่อผลตอบแทนที่มั่นคง

มุมมองการลงทุนในอนาคต ทีมลงทุนเชื่อว่า

  • แนวโน้มเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง จะช่วยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกปรับตัวลดลงและเป็นแนวโน้มเชิงบวกต่อตราสารหนี้โลกและตราสารทุนทั่วโลก

พอร์ตมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโต โครงสร้างพื้นฐาน ตราสารหนี้ แต่พอร์ตยังคงมีบางส่วนที่เป็นส่วน Defensive เพื่อใช้ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเน้นความสมดุลในการสร้างผลตอบแทน

ข้อมูล ณ สิ้นพฤศจิกายน 2566

#odini

#แอปลงทุนกองทุนรวมอัตโนมัติ

#ลงทุนง่ายได้ทุกคน

 

***ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต

***การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.