22
Mar
สรุป กลยุทธ์การลงทุน ปี 2023 จากงานสัมมนา odini Ultimate Allocation ที่ใครไม่มาถือว่าพลาด!
Comments
🪄สรุป กลยุทธ์การลงทุน ปี 2023 จากงานสัมมนา odini BLACK Ultimate Allocation ที่ใครไม่มาถือว่าพลาด!
จบไปสักพักแล้วสำหรับงานสัมนา odini BLACK Ultimate Allocation เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งใครที่ไม่ได้มาต้องบอกว่าพลาดมาก เพราะต้องบอกว่าในงานจัดหนักจัดเต็มกับกลยุทธ์การลงทุน สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2023 แบบไม่มีกั๊ก
แต่สำหรับใครที่ไม่ได้เข้าร่วมครั้งนี้ ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเราสรุปมาให้แบบ สั้น กระชับ ถึงจะไม่แน่นเท่าในงาน แต่รับรองว่าเอาไปต่อยอดได้อย่างแน่นอน
🪂สรุปตลาด ปี 2022
ต้องยอมรับว่าในปี 2022 ตลาดมีความผันผวนสูง ทั้งจากความไม่แน่นอนจากเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ย การ Lockdown ของจีน สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมไปถึงความตึงเครียดระหว่างประเทศจีนและไต้หวัน
ทั้งหมดทั้งมวลส่งผลให้เกือบทุกสินทรัพย์ติดลบหมด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นหรือแม้กระทั่งตราสารหนี้ ยกเว้นแต่พวกสินค้าโภคภัณฑ์ หรือตลาดไทยบ้านเรา
🌦️กลยุทธ์การลงทุน ปี 2023 คือ “ฟ้าหลังฝนย่อมงดงาม”
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ย่ำแย่สำหรับตราสารหนี้ เพราะมีเพียง 4 ปีเท่านั้นจาก 95 ปีที่ผ่านมา ที่ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ทำผลตอบแทนติดลบทั้งคู่ และไม่ใช่แค่ตราสารหนี้ เพราะประเทศจีนเองก็บอบช้ำจากนโยบายควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวด จนทำให้เศรษฐกิจที่เคยถูกคาดหวังว่าจะโตมันกลับไม่โตอย่างที่คาด แต่เราเชื่อว่าสินทรัพย์ที่เรามองว่าน่าสนใจทั้งสอง ได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว ทำให้ปีนี้ธีมการลงทุนหลักของเราจึงมาในธีม ฟ้าหลังฝนย่อมงดงาม
💡กลยุทธ์การลงทุน ใน ตราสารหนี้
ในเชิงปัจจัยมูลค่า ดอกเบี้ยตราสารหนี้ปรับตัวขึ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะทั้งพันธบัตรรัฐบาลไปจนถึงตราสารหนี้ High Yield แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ณ ปี 2023 นี้นับเป็นจังหวะเวลาที่ยังน่าลงทุนอีกด้วยหากเศรษฐกิจถดถอยลงอีก
ถ้าเราวิเคราะห์สถิติย้อนหลังของ S&P US Treasury Bond 10-Year Total Return Index จะพบว่าปีไหนที่ตราสารหนี้ทำผลตอบแทนได้ย่ำแย่ ปีถัดมามักจะให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น
ปี 1994 ผลตอบแทน -7.6%
ปี 1995 ผลตอบแทน +24.4%
ปี 1999 ผลตอบแทน -7.9%
ปี 2000 ผลตอบแทน +14.4%
ปี 2009 ผลตอบแทน -9.6%
ปี 2010 ผลตอบแทน +16.7%
ปี 2013 ผลตอบแทน -7.7%
ปี 2014 ผลตอบแทน +11.1%
ปี 2022 ผลตอบแทน -16.5%
ปี 2023 ผลตอบแทน ?
และไม่ได้มีแค่เราที่คิดเช่นนี้ เพราะ Research Houses แนวหน้าจากทั่วโลก ไม่ว่าจะ BlackRock J.P. Morgan Asset Management หรือ LGT เป็นต้น ต่างก็มองเป็นเสียงเดียวกันโดยพากัน Overweight ตราสารหนี้
💡กลยุทธ์การลงทุน เมื่อจีนเปิดประเทศ
ก่อนหน้านี้การ Lockdown ของจีนเป็นแบบ Hard Lockdown คือปิดเมืองแบบปิดจริง ๆ ทำให้ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนเรียกได้ว่าฝืดพอสมควร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนจีนมีเงินเก็บตุนไว้เพียบ และแน่นอนว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไรพวกเขาพร้อมใช้จ่ายแบบไม่ยั้ง
และเมื่อนโยบาย Zero-Covid ถูกรัฐพับเก็บไป ทำให้กำลังซื้อที่เคยอัดอั้นได้ปะทุขึ้นมาทันที ทั้งในภาคการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศที่อัดอั้นมานาน และนอกประเทศเพราะตัวเลขที่น่าสนใจคือในช่วงก่อน Covid จีนมีสัดส่วนการบริโภคถึง 22% ของทั้งโลก
นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกมีโอกาสฟื้นตัวจากการที่จีนเปิดประเทศอีกด้วย โดยคาดว่ารายได้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกปีนี้น่าจะฟื้นตัวเพิ่มจากเดิมอีก 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
มากไปกว่านั้นเราเองยังมองว่ามีโอกาสที่เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวจะไหลเข้าประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดว่าน่าจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีน เช่น ญี่ปุ่น ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งเรามองว่าอาจเปิดโอกาสให้ทำการลงทุนได้
ทั้งนี้ เราเชื่อว่าความเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับหุ้นจีนตลอด 3 ปีที่ผ่านมาได้สะท้อนไปในราคาหุ้นหมดแล้ว พอได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยบวกจากนโยบายต่าง ๆ ทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
💡พกร่มไว้บ้างก็ดี
ถึงแม้เราจะเห็นว่าฟ้าหลังฝนนั้นเปิดโล่ง สว่าง งดงามเพียงใด แต่การพกร่มติดตัวไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะอาจมีพายุลูกใหม่เข้ามาก็ได้ และพายุลูกที่ว่าคือภาวะเศรษฐกิจถดถอยโดยเฉพาะสหรัฐฯ
เราพกร่มด้วยการเลือกการลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยในพอร์ตของเราตอนนี้ส่วนหนึ่งแบ่งมาลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive เช่นพวก Healthcare กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหล่านี้มีความผันผวนไม่สูง และมักให้ผลตอบแทนชนะกลุ่มอื่น ๆ ยามภาวะเศรษฐกิจถดถอย
💡กลยุทธ์การปรับพอร์ตปี 2023
เป้าหมายของพอร์ตตอนนี้คือเรามุ่งหวังที่จะเพิ่มน้ำหนักในส่วนของตราสารหนี้ให้ได้ ~50% ของพอร์ต โดยในปีที่ผ่านมาเราก็ได้เตรียมตัวมาแล้วผ่านการเปลี่ยนมาถือสินทรัพย์สภาพคล่องและตราสารหนี้บางส่วน ส่วนในปีนี้จะนำสภาพคล่องที่มีไปซื้อตราสารหนี้ตามที่ตั้งใจไว้เพิ่มเติมอีก
💡ไม่อยากปรับพอร์ตไปมา ทำไมไม่ลองใช้ odini BLACK Ultimate Allocation
เพราะลงทุนให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดแต่ละช่วงเวลา และเราไม่ปิดกั้นการลงทุนจากต่างประเทศ รวมธีมการลงทุนที่ทันสมัยอย่างไร้ข้อจำกัด มากไปกว่านั้นเรายังมีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตที่แต่ละระดับราคา ทั้งหมดที่ว่ามานี้เราทำให้ทั้งหมดผ่านการลงทุนใน odini BLACK Ultimate Allocation และสุดท้ายแต่สำคัญไม่แพ้กันคือ ทีมบริหารพอร์ตโฟลิโอมีความ Skin in the game เพราะนำเงินตัวเองมาร่วมลงทุนด้วย
┏━━━━━━━━━━━━━┓
odini BLACK Ultimate Allocation
✔️นโยบายการลงทุนที่สามารถปรับระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา
✔️เพิ่มความยืดหยุ่นด้วยการทยอยเพิ่มหรือลดน้ําหนักการลงทุนให้เหมาะสม
✔️ดำเนินการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมปรับพอร์ตอัตโนมัติ
✔️ลงทุนเริ่มต้นเพียง 100,000 บาทเท่านั้น
หากสนใจเริ่มลงทุน คลิก odiniapp.co/3NZCMWQ
┗━━━━━━━━━━━━━┛