Nasdaq 100  กำลังโดน Special Rebalance l odini BLACK Ultimate Allocation

Nasdaq 100 กำลังโดน Special Rebalance odini BLACK Ultimate Allocation

Nasdaq 100  กำลังโดน Special Rebalance l odini BLACK Ultimate Allocation

นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี Nasdaq 100 ทำผลตอบแทนได้สูงถึง 43.33%

 

เพียงแต่ว่า ผลตอบแทนทั้งหมด เกิดจากหุ้น 7 ตัวที่แบกดัชนีเอาไว้

 

ทำให้ทาง Nasdaq ตัดสินใจใช้มาตรการ Special Rebalance

 

เรื่องนี้กระทบนักลงทุนอย่างไร?

 

┏━━━━━━━━━━━━━┓

🔊DCA ผ่าน odini ได้แล้ววันนี้

ลองเลย 👆

┗━━━━━━━━━━━━━┛

 

Nasdaq 100 ในไม่กี่ประโยค

 

  • ดัชนี Nasdaq 100 เป็นดัชนีที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1985

  • จัดทำโดยนำหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่มการเงิน 100 ตัวที่ดีที่สุดในตลาด Nasdaq มาทำเป็นดัชนี

  • เป็นดัชนี Capitalization-weighted พูดง่ายๆ คือถ่วงน้ำหนักด้วย Market Cap ใคร Market Cap เยอะ คนนั้นจะได้น้ำหนักเยอะตามไปด้วย

 

น้ำหนักเกินกว่าครึ่งของดัชนี Nasdaq 100 เกิดจากหุ้น 7 ตัว 

 

ปัจจุบันดัชนี Nasdaq ถูกขับเคลื่อนด้วยหุ้น 7 ตัวที่เราเรียกว่า Magnificent Seven ซึ่งหุ้นทั้ง 7 ตัวได้แก่ 

 

  • Apple

  • Amazon

  • Alphabet (Google)

  • Microsoft

  • Meta

  • Nvidia

  • Tesla

 

และด้วยความที่ดัชนีจัดสรรน้ำหนักด้วย  Market Cap แปลว่า ยิ่งราคาหุ้นพวกนี้ขึ้นมากเท่าไร น้ำหนักในดัชนีก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

 

โดยตั้งแต่ต้นปี ดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวขึ้นกว่า 43.33% แต่ถ้าเรามาดูดัชนี Nasdaq 100 equal weight ที่แบ่งสัดส่วนหุ้นแต่ละตัวเท่าๆ กัน จะพบว่าดัชนีปรับตัวขี้นเพียงแค่ 24.17% เท่านั้น

 

โดยน้ำหนักของหุ้นทั้ง 7 ตัวเมื่อนำมารวมกัน ประมาณ 55% ของน้ำหนักดัชนี

 

เนื่องจากดัชนีถูกผลักดันด้วยหุ้นเพียงแค่ 7 บริษัท ทำให้ทางผู้จัดทำดัชนีเองต้องออกมาตรการที่เรียกว่า Special Rebalance

 

ทั้งหมดเลยนำไปสู่การทำ Special Rebalance 

 

การปรับพอร์ตแบบกะทันหันนั้นเกิดจากการที่ Nasdaq มีความประสงค์ให้มีการกระจายความเสี่ยง ไม่กระจุกตัวลงทุนในหุ้นไม่กี่ตัว โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการปรับพอร์ตดังนี้

 

เงื่อนไขใช้ปรับเกณฑ์

 

  • เมื่อหุ้นที่น้ำหนักเกิน 4.5% ทั้งหมดมารวมกันแล้วพบว่าน้ำหนักเกิน 48% ทางดัชนีจะทำการปรับน้ำหนักให้หุ้นเหล่านี้มีน้ำหนักรวมกันได้สูงสุดแค่ 40% เท่านั้น

 

ทั้งนี้การปรับพอร์ตรอบนี้ไม่ได้มีหุ้นเข้าหรือออกจากดัชนี ส่งผลให้น้ำหนักของหุ้นใหญ่ 7 ตัวแรกที่ลดลง ถูกคาดการณ์ว่าจะนำไปเพิ่มในหุ้นที่มีขนาดรองลงมาแทน เช่น

 

  • Starbuck

  • Booking Holdings

  • Mondelez

  • Gilead Sciences

  • Intuitive Surgical 

  • Intuitive Surgical 

  • Automatic Data Processing

 

ทั้งนี้นี่ไม่ใช่การปรับพอร์ตแบบกะทันหันครั้งแรก เพราะทาง Nasdaq เคยทำมาก่อนหน้านี้แล้วในปี 1998 และ 2011

 

เรื่องนี้กระทบนักลงทุนอย่างไร? 

 

การปรับดัชนีแบบกะทันนั้นส่งผลให้น้ำหนักของหุ้นแต่ละตัวในดัชนีเปลี่ยนแปลงไป นั่นแปลว่าในวันที่ 23 กรกฏาคม Nasdaq 100 ที่เราเคยถือ ไส้ข้างในจะไม่ได้เหมือนเดิม

 

อีกเรื่องก็คือจะมีการ “โยกเงิน” จากหุ้นตัวหนึ่งไปยังหุ้นอีกตัวหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเกิดการซื้อขาย ส่งผลต่อราคาหุ้นที่เกี่ยวข้อง

 

ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น หากนักลงทุนมองว่าในระยะยาวแล้ว การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ยังไปได้อีก ก็ไม่มีปัญหาอะไร

 

┏━━━━━━━━━━━━━┓

odini BLACK Ultimate Allocation

✔️นโยบายการลงทุนที่สามารถปรับระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา

✔️เพิ่มความยืดหยุ่นด้วยการทยอยเพิ่มหรือลดน้ําหนักการลงทุนให้เหมาะสม

✔️ดำเนินการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมปรับพอร์ตอัตโนมัติ 

✔️ลงทุนเริ่มต้นเพียง 100,000 บาท

หากสนใจเริ่มลงทุน คลิก odiniapp.co/3NZCMWQ

┗━━━━━━━━━━━━━┛

 

อ้างอิง

 

https://indexes.nasdaq.com/docs/Methodology_NDX.pdf
https://www.nasdaq.com/articles/the-nasdaq-100-is-undergoing-a-special-rebalance.-heres-how-investors-should-prepare.
https://www.investing.com/analysis/nasdaq-100-special-rebalancing-will-hurt-returns-200640066

 

#odini

#แอปลงทุนกองทุนรวมอัตโนมัติ

#ลงทุนง่ายได้ทุกคน

 

*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
**การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน



No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.