24
Jul
Nasdaq 100 กำลังโดน Special Rebalance l odini BLACK Ultimate Allocation
Comments
นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี Nasdaq 100 ทำผลตอบแทนได้สูงถึง 43.33%
เพียงแต่ว่า ผลตอบแทนทั้งหมด เกิดจากหุ้น 7 ตัวที่แบกดัชนีเอาไว้
ทำให้ทาง Nasdaq ตัดสินใจใช้มาตรการ Special Rebalance
เรื่องนี้กระทบนักลงทุนอย่างไร?
┏━━━━━━━━━━━━━┓
🔊DCA ผ่าน odini ได้แล้ววันนี้
ลองเลย 👆
┗━━━━━━━━━━━━━┛
Nasdaq 100 ในไม่กี่ประโยค
-
ดัชนี Nasdaq 100 เป็นดัชนีที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1985
-
จัดทำโดยนำหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่มการเงิน 100 ตัวที่ดีที่สุดในตลาด Nasdaq มาทำเป็นดัชนี
-
เป็นดัชนี Capitalization-weighted พูดง่ายๆ คือถ่วงน้ำหนักด้วย Market Cap ใคร Market Cap เยอะ คนนั้นจะได้น้ำหนักเยอะตามไปด้วย
น้ำหนักเกินกว่าครึ่งของดัชนี Nasdaq 100 เกิดจากหุ้น 7 ตัว
ปัจจุบันดัชนี Nasdaq ถูกขับเคลื่อนด้วยหุ้น 7 ตัวที่เราเรียกว่า Magnificent Seven ซึ่งหุ้นทั้ง 7 ตัวได้แก่
-
Apple
-
Amazon
-
Alphabet (Google)
-
Microsoft
-
Meta
-
Nvidia
-
Tesla
และด้วยความที่ดัชนีจัดสรรน้ำหนักด้วย Market Cap แปลว่า ยิ่งราคาหุ้นพวกนี้ขึ้นมากเท่าไร น้ำหนักในดัชนีก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
โดยตั้งแต่ต้นปี ดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวขึ้นกว่า 43.33% แต่ถ้าเรามาดูดัชนี Nasdaq 100 equal weight ที่แบ่งสัดส่วนหุ้นแต่ละตัวเท่าๆ กัน จะพบว่าดัชนีปรับตัวขี้นเพียงแค่ 24.17% เท่านั้น
โดยน้ำหนักของหุ้นทั้ง 7 ตัวเมื่อนำมารวมกัน ประมาณ 55% ของน้ำหนักดัชนี
เนื่องจากดัชนีถูกผลักดันด้วยหุ้นเพียงแค่ 7 บริษัท ทำให้ทางผู้จัดทำดัชนีเองต้องออกมาตรการที่เรียกว่า Special Rebalance
ทั้งหมดเลยนำไปสู่การทำ Special Rebalance
การปรับพอร์ตแบบกะทันหันนั้นเกิดจากการที่ Nasdaq มีความประสงค์ให้มีการกระจายความเสี่ยง ไม่กระจุกตัวลงทุนในหุ้นไม่กี่ตัว โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการปรับพอร์ตดังนี้
เงื่อนไขใช้ปรับเกณฑ์
-
เมื่อหุ้นที่น้ำหนักเกิน 4.5% ทั้งหมดมารวมกันแล้วพบว่าน้ำหนักเกิน 48% ทางดัชนีจะทำการปรับน้ำหนักให้หุ้นเหล่านี้มีน้ำหนักรวมกันได้สูงสุดแค่ 40% เท่านั้น
ทั้งนี้การปรับพอร์ตรอบนี้ไม่ได้มีหุ้นเข้าหรือออกจากดัชนี ส่งผลให้น้ำหนักของหุ้นใหญ่ 7 ตัวแรกที่ลดลง ถูกคาดการณ์ว่าจะนำไปเพิ่มในหุ้นที่มีขนาดรองลงมาแทน เช่น
-
Starbuck
-
Booking Holdings
-
Mondelez
-
Gilead Sciences
-
Intuitive Surgical
-
Intuitive Surgical
-
Automatic Data Processing
ทั้งนี้นี่ไม่ใช่การปรับพอร์ตแบบกะทันหันครั้งแรก เพราะทาง Nasdaq เคยทำมาก่อนหน้านี้แล้วในปี 1998 และ 2011
เรื่องนี้กระทบนักลงทุนอย่างไร?
การปรับดัชนีแบบกะทันนั้นส่งผลให้น้ำหนักของหุ้นแต่ละตัวในดัชนีเปลี่ยนแปลงไป นั่นแปลว่าในวันที่ 23 กรกฏาคม Nasdaq 100 ที่เราเคยถือ ไส้ข้างในจะไม่ได้เหมือนเดิม
อีกเรื่องก็คือจะมีการ “โยกเงิน” จากหุ้นตัวหนึ่งไปยังหุ้นอีกตัวหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเกิดการซื้อขาย ส่งผลต่อราคาหุ้นที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น หากนักลงทุนมองว่าในระยะยาวแล้ว การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ยังไปได้อีก ก็ไม่มีปัญหาอะไร
┏━━━━━━━━━━━━━┓
odini BLACK Ultimate Allocation
✔️นโยบายการลงทุนที่สามารถปรับระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา
✔️เพิ่มความยืดหยุ่นด้วยการทยอยเพิ่มหรือลดน้ําหนักการลงทุนให้เหมาะสม
✔️ดำเนินการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมปรับพอร์ตอัตโนมัติ
✔️ลงทุนเริ่มต้นเพียง 100,000 บาท
หากสนใจเริ่มลงทุน คลิก odiniapp.co/3NZCMWQ
┗━━━━━━━━━━━━━┛
อ้างอิง
https://indexes.nasdaq.com/docs/Methodology_NDX.pdf
https://www.nasdaq.com/articles/the-nasdaq-100-is-undergoing-a-special-rebalance.-heres-how-investors-should-prepare.
https://www.investing.com/analysis/nasdaq-100-special-rebalancing-will-hurt-returns-200640066
#odini
#แอปลงทุนกองทุนรวมอัตโนมัติ
#ลงทุนง่ายได้ทุกคน