The Warren Buffett Series เดอะ วอเรน บัฟเฟตต์ ซีรีส์

The Warren Buffett Series เดอะ วอเรน บัฟเฟตต์ ซีรีส์

ถ้านึกถึงการลงทุน เพื่อน ๆ เทรดเดอร์หลายคนย่อมนึกถึงปู่บัฟเฟตต์นักลงทุนในตำนานที่ยังมีลมหายใจ คุณปู่บัฟเฟตต์เขาจะเน้นลงทุนแบบคุณค่า (VI) ที่มั่นคงในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น โดยเขาจะต้องรู้จักธุรกิจนั้นให้ดีก่อนจะลงทุนอยู่เสมอ และกว่าที่จะได้เป็นนักลงทุนในตำนาน บัฟเฟตต์ได้ผ่านอะไรมาบ้าง วันนี้แอดขอพาไปดูเส้นทางชีวิตของนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้กันดีกว่า

 

กำเนิดบัฟเฟตต์

เขาเกิดปีค.ศ. 1930 ที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา เป็นลูกชายของผู้แทนสภาสหรัฐฯ ฮาเวิร์ด บัฟเฟตต์ เขาเริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนประถม Rose Hill ในโอมาฮา

 

อายุ 5 ปี: ขายหมากฝรั่ง

ธุรกิจแรกที่บัฟเฟตต์ทำ คือ ขายหมากฝรั่ง และนิตยสารรายสัปดาห์ โดยเขาเลือกขายในทำเลที่ดี นั้น คือ ขายตามบ้านเพื่อน

 

อายุ 6 ปี: ขายโค้ก

ต่อมาเขานำโค้กมาขาย ได้กำไรขวดละ 5 cent และขายลูกกอลฟ์มือสอง โดยแบ่งราคาขายตามมูลค่าแบรนด์

 

อายุ 7 ปี: แรงบันดาลใจ 1,000 วิธีสร้างธุรกิจ

บัฟเฟตต์สนใจในเรื่องธุรกิจและการลงทุนตั้งแต่เด็ก เขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ One Thousand Ways to Make $1000 ซึ่งกล่าวถึงการทำเงินด้วยวิธีการใหม่ ๆ นับพันวิธี

 

อายุ 11 ปี: เริ่มลงทุนในตลาดหุ้น

นำเงินเก็บ $120 ซื้อหุ้นและทำกำไรได้ครั้งแรก

 

อายุ 12 ปี: ธุจกิจปรึกษาการแข่งม้า

เริ่มธุรกิจ Stable-Boy Selections ซึ่งจะแนะนำเทคนิคและทิปต่าง ๆ ในการแข่งม้า แต่ก็ต้องปิดไปเพราะยังไม่มีใบอนุญาต

 

อายุ 13 ปี: ขายหนังสือพิมพ์

เขาเริ่มหาเงินด้วยวิธีการส่งหนังสือพิมพ์ของ Washington Post และส่งหนังสือพิมพ์ตามเส้นทางเดียวกับคู่แข่ง มีรายได้เฉลี่ยสัปดาห์ละ $175 ซึ่งมีรายได้มากกว่าคุณครูประจำชั้นของเขาอีกด้วย

 

อายุ 14 ปี: ธุรกิจฟาร์ม

ลงทุนในธุรกิจของพ่อ ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์ม 40 เอเคอร์ ที่ Nebraska farmland นอกจากนี้เขายังทำธุรกิจตู้เกมพินบอลหยอดเหรียญที่ซื้อมาเพียง $25 และขายธุรกิจไปในราคา $1,200

 

อายุ 14 ปี: การพนันครั้งแรก

พนันม้าจนขาดทุนเฉลี่ยวันละ 175 ดอลลาร์สหรัฐ

 

อายุ 16 ปี: ผลกำไรจากการลงทุน

เขาสะสมเงินจากการลงทุนในทุกกิจการที่เขาได้ทำมากถึง $53,000 ~ 1.7 ล้านบาท

 

อายุ 17 ปี: ปรัญชานักลงทุนที่มีชื่อเสียง

เข้าเรียนโรงเรียนธุรกิจวอร์ตันแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย หลังจากนั้นศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้ศึกษา “The Intelligent Investor” เกี่ยวกับปรัชญาการลงทุนจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงอย่าง เบนจามิน เกรแฮม และ ฟิลิป ฟิชเชอร์

 

อายุ 24 ปี: ทำเงิน 50 ล้านบาท

เป็นนักวิเคราะห์หุ้นที่บริษัท Graham-Newman Corp. ซึ่งเป็นที่เดียวกับไอดอลนักลงทุนของเขา เบนจามิน เกรแฮม ได้รับเงินเดือน $12,000 ~ 3 แสนบาท และทำงานเป็นเวลา 5 ปี จนมีเงินเก็บมากถึง 1.57 ล้านเหรียญฯ ~ 50 ล้านบาท

 

อายุ 26 ปี: บริษัทแรกของตัวเอง

ก่อตั้งบริษัท Buffett Partnership Ltd. ด้วยเงินทุน $105,100

 

อายุ 32 ปี: เศรษฐีเงินล้าน

บัฟเฟตต์กลายเป็นเศรษฐีเงินล้าน เนื่องจาก Buffett Partnership เติบโตขึ้น จนทำให้บริษัทมีมูลค่ามากกว่า 7 ล้านเหรียญฯ ในขณะเดียวกันเขาได้ซื้อหุ้นในบริษัท Berkshire Hathaway

 

อายุ 40 ปี: Berkshire Hathaway

นั่งตำแหน่งประธานบริษัท Berkshire Hathaway

 

ช่วงอายุ 40-58 ปี: กว้านถือหุ้นทั่วโลก

นำกำไรที่ได้ไปซื้อหุ้นของบริษัทต่าง ๆ เช่น  The Washington Post, GEICO, Exxon และ Coca-Cola

 

อายุ 78 ปี: เศรษฐีอันดับ 1 ของโลก

บัฟเฟตต์กลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก

 

อายุ 87 ปี: พนันในตลาดหุ้น

บัฟเฟตต์ชนะพนันกับผู้จัดการกองทุนหลายคน ที่ว่ากองทุนดัชนี S&P500 จะทำความสามารถได้ดีกว่า เฮดจ์ฟันด์ที่คิดค่าธรรมเนียมแพงมาก (พนันไว้ตั้งแต่ ค.ศ. 2007)

แนวคิดบริหารกองทุน

  • บริหารแบบแอคทีฟจะสามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว
  • ลงทุนในกองทุนดัชนีที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและกระจายความเสี่ยง

 

อายุ 88 ปี: BRK.A ราคาพุ่งทะยานสูงที่สุดในโลก

หุ้น Berkshire Hathaway (BRK.A: NYSE) ที่เขาซื้อมาเพียง $7.60 ต่อหุ้น สูงขึ้นถึง $300,000 หรือราว ๆ หุ้นละ 9 ล้านบาทในปี 2018

 

เส้นทางชีวิตของบัฟเฟตต์ที่ว่ากว่าเขาจะได้เป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดอันดับ 1 ของโลกนั้นไม่ง่ายเลย หากคนที่ไม่รู้จัก และมองผิวเผิน ก็คงไม่เห็นถึงแนวคิดหรือวิถีการปฎิบัติของเขา ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในภายภาคหน้า เห็นได้ว่าตลอดชีวิตของเขาต้องลงทุนอยู่เสมอ ล้มลุกคลุกคลานบางทีก็กำไร บางทีก็ขาดทุน โดยสิ่งเหล่านี้แหละจะเป็นบททดสอบชีวิตให้ได้เรียนรู้ และก้าวสู่ตำแหน่งเศรษฐีระดับโลก นักลงทุนในตำนาน วอร์เรน บัฟเฟตต์

 

เริ่มลงทุนให้กับตัวคุณเอง เพียงโหลดแอป odini https://odini.onelink.me/ymkV/e632ce31

Source: TheBalance, Forbes, BusinessInsider, Investopedia, Wikipedia

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.