odini BLACK ลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ไม่พลาดโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรรมยานยนต์ไฟฟ้า ได้ที่ https://odiniapp.co/odiniBLACKEV odini แอปลงทุนอัตโนมัติในกองทุนรวม ด้วย Robo-advisor
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นที่สนใจทั่วโลก เนื่องจากความตระหนักถึงภาวะโลกร้อนของคนทั่วโลก หลาย ๆ คนเลยเริ่มเปลี่ยนจากการขับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ากันมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตรถหลายรายเริ่มหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กันมากขึ้น
วันนี้ odini ชวนมาดูอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กันว่าในไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะเติบโตได้มากขนาดไหน และความน่าลงทุนในตลาดอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้านี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
มาดูกันที่กระแส Net Zero Emission ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ซึ่งเจ้า Net Zero Emission นี้คือ นโยบายการลดคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ การลดการทำลายขยะแบบผิดวิธี และการขนส่งสาธารณะอย่างรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีปริมาณการใช้น้ำมันในการเดินทางเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหลาย ๆ ประเทศโดยเฉพาะในโซนยุโรป ก็จะออกมาตรการจำกัดคาร์บอน เช่น การเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) เป็นต้น ส่วนในจีนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาด 37% ซึ่งมากที่สุดในโลกอีกด้วย นั้นแปลว่าคนจีนใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในการเดินทางมากที่สุดในโลกนั้นเอง
ดังนั้นด้วยกระแสเหล่านี้ที่ร่วมมือกันเพื่อโลกสีเขียว คนจึงหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น พลังงานทดแทนก็อย่างเช่นพลังงานไฟฟ้านี้แหละ ที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์มากขึ้น อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าใน 1 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 43% และในปี 2027 คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จริง ๆ แล้วรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลกมีมากตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 แล้ว แต่ช่วงนั้นยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าก็กลับมาผงาดอีกครั้งจากค่ายผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำอย่าง Tesla ที่เข้ามาปฏิวัติวงการรถยนต์ โดยทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้น ทั้งเรื่องราคา ประสิทธิภาพ ระยะการเดินทาง รวมถึงเทคโนโลยี Autopilot ที่หาไม่ได้ในรถคันอื่น ๆ ในปี 2020 Tesla มียอดขายทั่วโลก 499,535 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 23% ทำให้ Tesla (TSLA) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 74.29% รุ่นตัวดังที่ทำยอดขายเลย คือ Model X
หลังจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่คนทั่วโลกเอื้อมถึงแล้ว (ราคาประมาณ 120,000 – 170,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) คราวนี้ก็มาถึงตา ค่ายผลิตรถยนต์หรูอย่าง BMW, Mercedes-Benz และ Volvo ที่หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ถ้าหากดูผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีของ BMW (BMW) อยู่ที่ 33.70% ส่วน Mercedes-Benz (DAI) อยู่ที่ 61.26% และ Volvo (VOLV-B) อยู่ที่ 25.20% รุ่นตัวดัง EV Car เช่น BMW iX และ Mercedes-Benz EQC ที่กำลังจะวางจำหน่ายปลายปีนี้ (Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 22 ก.ย. 2021)
เห็นได้เลยว่าความสำคัญของการใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า นั้นเป็นกุญแจที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ในอนาคต ดังนั้น odini BLACK จึงเปิดโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ชื่อดังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Tesla, BMW และ Mercedes-Benz เป็นต้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ odiniapp.com
ตัวอย่างแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดัง
รุ่นรถยนต์ |
กำลังไฟฟ้า (kW) | แรงบิด (Nm) |
0-100km/h |
BMW xDrive 50 | 385kW | 765Nm | 4.6s |
Mercedes-Benz EQC 400 | 300kW | 760Nm | 5.1s |
Audi E-Tron 55 | 300kW | 561Nm | 6.6s |
Tesla Model X Plaid | 760kW | N/A | 2.6s |
Volvo XC40 Pure EV | 408kW | 660Nm | 4.9s |
Source: Virta Global, EV Volumes, Allied Market Research, Volvo