ชวนย้อนรอย เกิดอะไรขึ้นกับ “ตลาดหุ้น” เมื่อต้องเจอ “สงคราม” ในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมา

ชวนย้อนรอย เกิดอะไรขึ้นกับ “ตลาดหุ้น” เมื่อต้องเจอ “สงคราม” ในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมา

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวโอดีเนียนหลาย ๆ ท่านคงได้อ่านข่าวสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งสงครามในครั้งนี้ ตลาดหุ้นต่าง ๆ เกิดความผันผวนและความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง จนนักลงทุนหลายท่านอดที่กังวลถึงพอร์ตการลงทุนของตัวเองไม่ได้เลยว่า จะหยุดการลงทุนหรือไปต่อ
.

โอดีนี่ชวนย้อนรอย เมื่อต้องเจอสงครามหรือเหตุการณ์ไม่สงบที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์โลก ตลาดหุ้นเจอผลกระทบอย่างไรบ้าง
.

สงครามโลกครั้งที่ 2

ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดการปรับตัวลดลงและมีความผันผวนเป็นอย่างมาก เหล่านักลงทุนทั่วโลกต่างเทขายหุ้นของตนอย่างรวดเร็ว แต่ !!! ในเวลาต่อมาตลาดหุ้นกลับพุ่งขึ้นมาระดับเท่าเดิมก่อนเกิดสงคราม และเมื่อช่วงเวลาผ่านไป ราคาหุ้นที่ถืออยู่ก็เพิ่มขึ้นสูงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
.

เหตุการณ์ 9/11

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 หลังเกิดเหตุการณ์วันนั้น S&P500 ร่วงลงไป -7.1% เหล่านักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้สัปดาห์นั้น S&P500 ลงไปมากกว่า -14% (ที่มา Investopedia ข้อมูล ณ วันที่ 25 ต.ค. 2564) หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน S&P500 ก็ได้กลับขึ้นมาเช่นเดิม
.
.

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

Truist Advisory Services ก็ได้ออกมาวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา จากทั้งหมด 12 เหตุการณ์ทั่วโลก เช่น วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี 2505 วิกฤตตัวประกันชาวอิหร่านในปี 2522 และ สงครามอิรักในปี 2546 เป็นต้น ผลการวิเคราะห์พบว่าหลังจากนั้นเพียง 1 ปี จาก 9 ใน 12 เหตุการณ์ S&P500 ปรับตัวขึ้นมาทันที โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.6% อีกทั้งตลาดหุ้นในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2523 ถึงปัจจุบัน เติบโตเพิ่มมากขึ้นถึง 4,000% เลยนะครับ
(ที่มา reuters ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.พ. 2565)
.
เมื่อย้อนดูเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทั้งหมด เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อตลาดให้เกิดความผันผวนเพียงแค่ในระยะสั้นเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวเป็นเวลานานนั้นล้วนเกิดจาก “วิกฤติเศรษฐกิจ” มากกว่า
.
.

ข้อคิดจาก Warren Buffett ในการลงทุนช่วงสงคราม

“จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้าและจงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว”

และ

“อย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว”

 

.
.
แต่ทั้งนี้ odini ขอแนะนำให้ชาวโอดิเนียนมีการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ครับ เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทก็ใช่ว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีตลอดช่วงเวลา จึงเป็นคำตอบว่าทำไมนักลงทุนอย่าง Warren Buffet จึงลงทุนแบบ Asset Allocation ที่เป็นส่วนช่วยลดความเสี่ยงในระยะสั้นและได้รับผลตอบเเทนในระยะยาวนั่นเองครับ
.
ซึ่งแอปพลิเคชัน odini ต้องการตอบโจทย์การลงทุน ณ ช่วงเวลานี้เลยก็ว่าได้ เพราะ odini ที่มีทั้งทีมผู้เชี่ยวชาญในการคัดเลือกกองทุน และ Robo-advisor ซึ่งเป็น AI ลงทุนกองทุนรวมให้แบบอัตโนมัติตามระดับความเสี่ยง อีกทั้งยังมีกระจายการลงทุนให้เราได้ลงทุนบริษัทระดับโลกและสินทรัพย์ประเภทด้วยเงินเพียงแค่ 1,000 บาทเท่านั้นครับ
.
ถ้าเพื่อน ๆ สนใจอยากลงทุนในแอป odini ก็สามารถไปที่ Line@ https://odiniapp.co/AOoac01-l0224 ได้เลยครับ
.
มีทั้งคอนเทนต์อัปเดตการลงทุนที่ห้ามพลาด รวมถึงสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย เจอกันใน LINE@ นะครับ
.
#odini
#แอปลงทุนกองทุนรวมอัตโนมัติ
#ลงทุนง่ายได้ทุกคน

.
(Source: ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 2565 reuters, Robowealth)

 

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.