Big Tech กำลังแบก S&P 500 อยู่ โดย odini
ปีนี้ดัชนี S&P 500 กำลังขึ้นเอาขึ้นเอา
โดยปัจจุบันดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 15% ได้รับแรงขับเคลื่อนจากบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง
ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Microsoft, Meta และ Nvidia ยังคงผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างจับตาว่าข้อมูลผลประกอบการในระยะเวลาข้างหน้า จะสนับสนุนราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นเหล่านี้หรือไม่
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ใหญ่ขนาดไหนเทียบกับดัชนี S&P 500
ต้องบอกบอกว่าดัชนี S&P 500 ประกอบด้วย 11 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยแต่ละกลุ่มมีขนาดและน้ำหนักที่แตกต่างกัน
แต่ในปัจจุบัน 10 บริษัทใหญ่สุดคิดเป็นหนึ่งในสามของมูลค่าตลาดของดัชนีแล้ว นั่นหมายถึงการขยับขึ้นลงของดัชนีนั้น ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทใหญ่เน้น ๆ
แล้วกำไรของบริษัทใหญ่นั้นมีแนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง
กำไรของบริษัทใน S&P500 นั้นมีแนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง
จากกราฟ เปรียบเทียบการคาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้นของ S&P 500 กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยใช้ข้อมูลจาก Goldman Sachs
จากกราฟ จะเห็นว่าแม้ว่าหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะเห็นการเติบโตของกำไรอย่างน่าประทับใจถึง 57% ในปี 2023
แต่ยังมีบางประเด็นที่น่ากังวล
เพราะว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในอนาคตของหุ้นกลุ่มนี้จะชะลอตัวลงในอีกสามปีข้างหน้าจาก
- 57% ในปี 2023
- 37% ในปี 2024
- 19% ในปี 2025
- เหลือ 13% ในปี 2026
แล้ว Nvidia ที่กำลังเติบโตร้อนแรงล่ะ? การเติบโตจะลดลงไหม
สำหรับ Nvidia คาดว่าความต้องการชิปจะลดลง
เพราะอะไร?
เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ เช่น Amazon และ Microsoft กำลังใกล้ถึงจุดอิ่มตัวในการสร้างระบบ AI ภายในปี 2026
นอกจากนี้ บริษัทยังอาจเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากมีผู้เล่นใหม่เข้าสู่ตลาด หรือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เริ่มผลิตชิปเองอีกด้วย
หุ้นกลุ่มอื่นกำลังฟื้นตัว
การเติบโตของ หุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ตรงกันข้ามกับหุ้นกลุ่มอื่นใน S&P 500
เนื่องจากหุ้นกลุ่มอื่น ๆ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง
สำหรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 มี 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตเกิน 10%
โดย 4 อุตสาหกรรมได้แก่
- การเงิน
- บริการสื่อสาร
- สุขภาพ
- และกลุ่ม Information Technology
ในขณะที่ภาคพลังงานได้เห็นการเติบโตที่ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลดลงอย่างมากจากจุดสูงสุดในปี 2022
ดังนั้นสำหรับใครที่ลงทุนกระจุกตัวในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่สหรัฐฯ ระมัดระวังกันด้วยนะครับ
*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
**การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
#odini
#แอปลงทุนกองทุนรวมอัตโนมัติ
#ลงทุนง่ายได้ทุกคน
อ้างอิง
https://www.visualcapitalist.com/sp-500-earnings-growth-forecasts-vs-big-tech/
https://www.visualcapitalist.com/largest-company-market-cap-sp-500-market-concentration/
*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
**การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน