พาทัวร์ตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดไหนน่าสนใจ ตลาดไหนห้ามพลาด

พาทัวร์ตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดไหนน่าสนใจ ตลาดไหนห้ามพลาด

ไหน ไหน ใครยังเที่ยวไม่หนำใจบ้าง ยกมือออ
.
ทาง odini เองก็รู้สึกว่าร่างกายยังต้องการการเดินทางอยู่เหมือนกัน แต่จะให้ไปเที่ยวคนเดียวก็คงเหงาเปล่าเปลี่ยวเกินไป เลยจะขอเชิญชวนชาวโอดีเนียนทั้งหลายไปเที่ยวต่อกันอีกสักหน่อย
.
แต่ที่ ๆ เราจะพาไปทัวร์คราวนี้ ไม่ต้องเก็บกระเป๋า ไม่ต้องจองตั๋ว จองที่พักให้วุ่นวาย แถมถ้าไปดี ๆ อาจจะยังได้เงินติดไม้ติดมือกลับมาอีกด้วย
.
อยากรู้แล้วหล่ะสิว่าคือที่ไหน ?
.
ที่ ๆ ว่านั่นก็คือ “ตลาดหุ้น” นั่นเอง
.
แต่เอ๊ะ ? แล้วจะพาชาวโอดิเนียนไปตลาดหุ้นประเทศไหนดีหล่ะ ในเมื่อมันมีตลาดหุ้นตั้งหลายประเทศ แถมในประเทศเดียวกัน บางทียังมีหลายตลาดให้ชวนสับสนอีกต่างหาก

ในเมื่อคิดไม่ออก ก็พาไปทัวร์มันหลาย ๆ ตลาดหลัก ๆ เลยละกัน เดี๋ยวทริปนี้ odini เลี้ยงเอง
.
.
.

ทัวร์สหรัฐฯ

.
มาเริ่มทริปกันที่สหรัฐอเมริกากันก่อน ประเทศนี้มีตลาดหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกสองแห่งด้วยกัน คือ New York Stock Exchange หรือ NYSE และ NASDAQ
.
.

1. NYSE – New York Stock Exchange

.

ก่อตั้งขึ้นในปี 1792 โดยตัวอาคารของตลาดหลักทรัพย์ตั้งอยู่มุมถนนวอลล์สตรีท เหตุผลตรงนี้เองทำให้บางครั้งเราจึงเห็นนักลงทุนเรียกตลาดหุ้นว่า #วอลล์สตรีท โดยหุ้นที่จดทะเบียนในตลาด NYSE จะเป็นหุ้น Blueship (หุ้นพื้นฐานดี) ซะส่วนใหญ่ Walt Disney เป็นหนึ่งในบริษัทที่จดทะเบียนที่นี่

.
.

2. NASDAQ

.

ที่ก่อตั้งในปี 1971 หรือเกือบ 200 ปีให้หลังจากที่ก่อตั้ง NYSE โดยจุดที่แตกต่างจาก NYSE อย่างเห็นได้ชัดคือ Nasdaq จะเป็นหุ้นเทคโนโลยี โดยบริษัทดัง ๆ อย่าง Apple หรือ Tesla ต่างก็จดทะเบียนที่ Nasdaq ทั้งนั้น
.
ด้วยความที่ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาทั้งสอง มีขนาดตลาดใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เป็นที่หมายปองของบริษัทจดทะเบียนทั้งภายใน และจากต่างประเทศ เข้ามาระดมทุนกันผ่านตลาดแห่งนี้อย่างล้นหลาม
.
.
.

ทัวร์ยุโรป

.
หลังจากทัวร์ที่สหรัฐฯ กันเรียบร้อย เราขอพาชาวโอดิเนียนมาทัวร์ที่ฝั่งยุโรปกันบ้าง เนื่องจากยุโรปมีตลาดหุ้นหลายแห่ง เราจึงขอพาทุกคนแวะตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดสองที่ในยุโรป คือตลาด Euronext และ London Stock Exchange Group (LSE)
.
.

1. Euronext

.

เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก และใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป โดยตลาดแห่งนี้เกิดจากการรวมตัวกันของตลาดหุ้นสามแห่ง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ Amsterdam, ตลาดหลักทรัพย์ Paris, และ ตลาดหลักทรัพย์ Brussels บริษัทแบรนด์เนมชื่อคุ้นหูอย่าง LVMH หรือกระเป๋าหลุยส์อยู่ในตลาดแห่งนี้

.
.

2. LSE –  Stock Exchange Group

.
ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ก่อตั้งในปี 1801 เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร และถือเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดอันดับสิบของโลก ที่มีบริษัทยาและชีวเภสัชภัณฑ์ที่ผลิตวัคซีนโควิด-19 ให้เรา อย่าง AstraZeneca

.
โดยทั้งสองตลาดถือว่าค่อนข้างครอบคลุมหุ้นในทวีปยุโรป
.
.
.

ทัวร์จีน

.
บินย้อนกลับมาฝั่งเอเชียของเรากันบ้าง ตลาดหุ้นที่กำลังมาแรงแซงทางโค้ง จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ตลาดหุ้นของประเทศมหาอำนาจอย่าง “จีนแผ่นดินใหญ่”

แต่เป็นที่รู้กันว่าประเทศจีนนั้นกว๊างกว้าง จะให้มีตลาดหุ้นอยู่ที่เดียวก็คงจะเป็นไปไม่ได้ “จีนแผ่นดินใหญ่” ตอนนี้มีตลาดใหญ่สองแห่งที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนคือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ Shanghai Stock Exchange (SSE) และ ตลาดหลักทรัพย์เซิ่นเจิ้น Shenzhen Stock Exchange (SZSE) 
.

.
.

1. SSE – Shanghai Stock Exchange

.

หรือตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้น Blueship (หุ้นพื้นฐานดี) หรือหุ้นที่ถือโดยรัฐ เช่น หุ้นพลังงาน หรือหุ้นธนาคาร เป็นต้น ตัวอย่างบริษัทอย่าง China Merchants Bank นั่นเอง
.
.

2. SZSE Shenzhen Stock Exchange

.

ตลาดหลักทรัพย์เซิ่นเจิ้น ตัวอย่างบริษัทเช่น บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราคุ้นชื่ออย่าง TCL หรือบริษัทวัคซีนเจ้าดังจากจีนอย่าง SINOPHARM ACCORD
.
.
.

ทัวร์ฮ่องกง

.
มาต่อที่ตลาดหุ้นฮ่องกง HKEx หรือ Hong Kong Stock Exchange ด้วยความที่ฮ่องกงเองเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคเอเชียมาอย่างยาวนาน คงไม่แปลกเท่าไรถ้าหุ้นเทคโนโลยีในจีนส่วนใหญ่เลือกมาจดทะเบียนกันทีนี่ บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Alibaba, Tencent เองก็จดที่ตลาดแห่งนี้นะ

.
.
.

ทัวร์ญี่ปุ่น

.
ที่ใกล้ ๆ ประเทศจีน ยังมีตลาดหลักทรัพย์อีกที่ ที่ควรค่าแก่การแวะชม นั่นคือ TSE ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งเกิดจากการควบรวมระหว่าง Tokyo Stock Exchange Group and Osaka Securities Exchange ในปี 2013 โดยบริษัทญี่ปุ่นใหญ่ ๆ หลาย ๆ บริษัทที่เราคุ้นเคย ต่างก็จดทะเบียนในตลาดแห่งนี้ เช่น Nintendo หรือ Toyota เป็นต้น
.
.
.

ทัวร์ไทย

.
ก่อนจะจบทริป เราอยากพาทุกคนกลับมาแวะเวียนสถานที่สุดท้าย คือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
.
ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีตลาดหลักด้วยกัน 2 ที่หลัก ๆ ได้แก่ SET และ MAI โดยปัจจุบันทั้งสองตลาดมีบริษัททั้งหมด 838 บริษัท (ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 18 เม.ย 2565)
.
.

1. SET

.

โดยบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนใน SET ได้ต้องมีทุนจดทะเบียนมากกว่า 300 ล้านบาทขึ้นไป เช่น บริษัทปตท.
.

.

2. MAI

.

โดยบริษัทที่สามารถเข้ามาจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้ ต้องเป็นทุนจดทะเบียนมากกว่า 50 ล้านบาท แต่ยังไม่ถึง 300 ล้านบาท ตัวอย่างบริษัทขนมหวานที่คิวยาวสุดๆ อย่าง After You
.
.
.
ชาวโอดิเนียนอาจจะคิดว่า พาทัวร์ตลาดเทพ ๆ แบบนี้ แต่ละตลาดน่าสนใจขนาดนี้ ถ้าเราอยากจะไปลงทุนในแต่ละตลาด เราสามารถทำได้ไหม แล้วถ้าอยากลงทุน เราสามารถทำอย่างไรได้บ้าง
.
odini ขอบอกตรงนี้เลยครับว่า ทำได้ และทำได้ง่ายมาก ๆ เพราะถ้าเพื่อน ๆ ลงทุนในแอป odini ตัว odini เองจะไปลงทุนในตลาดที่น่าสนใจเหล่านี้ให้บ้างอยู่แล้วโดยพวกเราไม่ต้องบินข้ามทวีปหรือซื้อตัวท็อปทีละตลาดเองเลย
.
แล้วลงทุนในตลาดเหล่านี้ต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน ต้องมีเงินเยอะมากเลยใช่ไหม
odini บอกตรงนี้เลยว่าเริ่มต้นลงทุนแค่ 1,000 บาทเท่านั้นเราก็สามารถลงทุนในตลาดเหล่านี้บางตลาดได้แล้ว
.
ส่วนการเลือกว่าจะลงตลาดไหนหรือไม่ลงตลาดไหนนั้น odini จะปรับให้เข้ากับสภาวะตลาดที่ควรจะเป็น ณ ขณะนั้นให้อยู่แล้ว
.
เรื่องสัดส่วนว่าแต่ละตลาดควรเป็นสัดส่วนเท่าไรนั้น แล้วแต่ความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ของนักลงทุนแต่ละท่านเลยครับ ^^
.
.
เห็นมั้ยครับว่าการลงทุนในแต่ละตลาดไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่ให้ odini จัดการให้ จบเลย ใครสนใจก็แอดไลน์ไปคุยกันต่อได้เลยที่ LINE @odiniapp ครับ
.
.

#odini
#แอปลงทุนกองทุนรวมอัตโนมัติ
#ลงทุนง่ายได้ทุกคน

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.