เรื่องควรรู้ ก่อนเริ่มลงทุน หุ้นต่างประเทศ
ชีวิตคนเราเกี่ยวข้องกับ “เทคโนโลยี” มากแค่ไหน?
หากมองในมุมของผู้บริโภคแล้ว คงต้องยอมรับว่า “เทคโนโลยี” กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนเราไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ เราค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์ด้วย Google
เราใช้เวลาว่างไปกับสังคมออนไลน์ที่เรียกว่า Facebook
เราทำงานผ่านโปรแกรม และแพลตฟอร์มของ Microsoft
และแน่นอนว่า แทบทุกคน กำลังอ่านบทความนี้ ผ่านสมาร์ตโฟน..
ซึ่งรู้ไหมว่า บริษัทที่เป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ ที่เราใช้อยู่ในทุกวันนี้
ทั้ง Apple, Microsoft, Amazon.com และ Alphabet (เจ้าของ Google) เป็น 4 บริษัท ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
Apple มูลค่าบริษัท 65 ล้านล้านบาท
Microsoft มูลค่าบริษัท 48 ล้านล้านบาท
Amazon.com มูลค่าบริษัท 47 ล้านล้านบาท
Alphabet มูลค่าบริษัท 35 ล้านล้านบาท
ซึ่งนอกจากเราจะเป็นลูกค้า หรือผู้ใช้งานของบริษัทเหล่านี้แล้ว
เรายังร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ผ่านทางตลาดหุ้น อีกด้วย
แล้วการลงทุนหุ้นต่างประเทศน่าสนใจอย่างไร?
รู้หรือไม่ว่าปี 2020 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น Apple ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 76%
จากราคา 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นในเดือนมกราคม
มาเป็น 132 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นในเดือนธันวาคม
แต่เพราะเป็นการลงทุนหุ้นต่างประเทศที่ไม่ได้ใช้สกุลเงินบาทไทย
ผู้ที่จะลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ จึงต้องรู้จักการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเสียก่อน
นอกจากนั้น การลงทุนหุ้นต่างประเทศ ยังมีเรื่องของกฎเกณฑ์ต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
และเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ
เพราะคนที่จะนำเงินไปลงทุนในบริษัทต่างประเทศด้วยตัวเองได้
นอกจากความรู้ด้านการลงทุนที่ดีแล้ว ยังต้องมีเวลาพอสมควรในการติดตามหุ้นเหล่านั้น อีกด้วย
จะเห็นว่า แม้การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศเหล่านี้จะมีความน่าสนใจ
แต่ความจริงแล้ว.. การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศอาจไม่ใช่เรื่องง่าย
คำถามต่อมาคือ แล้วจะมีวิธีใดที่ช่วยให้การลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศง่ายขึ้นได้บ้าง?
หนึ่งทางออกนั่นคือ การลงทุนในกองทุนรวม
ปัจจุบันประเทศไทยมีกองทุนรวมที่เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากมาย อาทิ ตลาดหุ้นจีน, ตลาดหุ้นอเมริกา, ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
ซึ่งกองทุนรวม ยังจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเข้ามาทำหน้าที่บริหารพอร์ตการลงทุนให้กับเรา อีกด้วย
แล้วจะเป็นอย่างไร? หากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่ว่านั้น จะอยู่ในรูปของ AI ..
รู้หรือไม่ว่า กองทุนรวมลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย
ซึ่งเป็นการลงทุนที่เรียกว่า “การลงทุนในกองทุนรวมแบบอัตโนมัติ” หรือระบบ “Robo-Advisor”
โดยที่ Robo-Advisor จะเข้ามาทำหน้าที่เป็น “สมองจำลอง” ของ Fund Manager
เพื่อคอยบริหารพอร์ตการลงทุนของเรา ไม่ว่าจะเป็น การเลือกกองทุน, การกระจายความเสี่ยง
ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่นักลงทุนต้องการ
ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการลงทุนครั้งนี้..
กลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหญ่ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าสู่โลกการลงทุนได้ง่ายขึ้น
และยังช่วยกระจายการลงทุนได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ ตลาดหุ้น และทองคำ อีกด้วย
มาถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า “เทคโนโลยี” กำลังเข้าไปมีบทบาทในชีวิตคนเรามากขึ้นเรื่อยๆ
และวันนี้เทคโนโลยี ก็ได้พัฒนาล้ำหน้าจนสามารถบริหารพอร์ตการลงทุนให้กับมนุษย์ได้แล้ว
ก็น่าสนใจว่าแล้วต่อไป เราจะได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรอีกบ้าง
ที่จะมาช่วยในเรื่องการลงทุน ในอนาคต..
#odini #ลงทุนง่ายได้ทุกคน