odiniBLACK Schroders Growth & Income | The Inflation Reduction Act: การบังคับใช้กฎหมายที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ?
📜 The Inflation Reduction Act: การบังคับใช้กฎหมายที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ?
ในช่วงเวลาที่โลกต่างเผชิญกับความรุนแรงของเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบหลายทศวรรษ สหรัฐฯ ได้ให้ความสำคัญกับการผ่านร่างกฎหมาย Inflation Reduction Act แล้วกฎหมายที่ว่านี้คืออะไร มีความสำคัญและเป็นโอกาสการลงทุนได้อย่างไร? หาคำตอบได้ผ่านมุมมองต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้าน Climate ของ Schroders
📜Inflation Reduction Act คืออะไร?
Marina Severinovsky หัวหน้าด้านความยั่งยืนประจำทวีปอเมริกาเหนือกล่าวว่า “กฎหมายดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาด้านเงินเฟ้อผ่านนโยบายที่ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน รวมไปถึงการลดการขาดดุลด้านงบประมาณ โดยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มงบประมาณคิดเป็นรายได้กว่า $790 billion จาก Corporate Minimum Tax การเก็บภาษีขั้นต่ำ 15% จากบริษัทที่มีกำไรมากกว่า $1 billion 2) Improved Tax Enforcement การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี 3) Prescription drug reform การที่ภาครัฐขอลดราคายาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เพื่อที่จะลดงบประมาณในส่วนนี้ลง
เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้าน Energy Security and Climate Change ก็คือการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ คิดเป็นมูลค่า $369 billion (และส่วนหนึ่งให้ Affordable Care Act Extension มูลค่า $64 billion) จึงสามารถลดการขาดดุลงบประมาณได้จากส่วนที่เหลือนั่นคือมากกว่า $300 billion
📜สำคัญอย่างไร?
“นี่คือการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อต่อสู้กับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ” ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าว โดย Irene Lauro นักเศรษฐศาสตร์เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมได้ให้ความเห็นว่า “กฎหมายต้องการที่จะลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2005 เพื่อต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน ซึ่งสิ่งนี้เองจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภัยทางธรรมชาติ รวมไปจนถึงการเกิดเงินเฟ้อในระยะกลาง” เพราะที่ผ่านมาเราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลเกิดขึ้นทั้งบ่อยครั้งและรุนแรงอันเนื่องมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ที่มาพร้อมกับผลเสียทางเศรษฐกิจและความผันผวนของราคา โดยเฉพาะราคาอาหาร
กฎหมายดังกล่าวได้สร้างแรงจูงใจสู่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยจะช่วยเป็นตัวป้องกันปัญหาดังกล่าวได้
📜รายละเอียดเป็นอย่างไร?
หลักใหญ่ใจความคือการเปลี่ยนแหล่งการใช้พลังงานจากฟอสซิลเป็นพลังงานสะอาด
💠 มีการให้เครดิตภาษี $7,500 สำหรับการซื้อรถยนต์ใหม่ รวมถึงมีการสนับสนุนเพื่อการปรับปรุงที่อยู่อาศัยไปเป็นรูปแบบใช้คาร์บอนต่ำ อย่างการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อรับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในครัวเรือน ก็เป็นหนึ่งรูปแบบที่สนับสนุน
💠 The US Postal Service เองที่ปล่อยมลพิษเป็นอันดับสองรองจาก US military ได้รับงบประมาณกว่า $3 billion ที่จะจัดซื้อยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
💠 งบประมาณกว่า $30 billion จะถูกจัดสรรแก่รัฐต่าง ๆ เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า รวมถึงกว่า $60 billion ที่จัดสรรให้ Evironmental justice initiatives โดยเฉพาะ อาทิ การพัฒนาการขนส่งสาธารณะในแหล่งชุมชนที่ยังขาดแคลน และการลดมลพิษที่ท่าเดินเรือต่าง ๆ
💠 งบประมาณกว่า $60 billion ได้จัดสรรให้โรงงานผลิตพลังงานสะอาดไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ๆ เพื่อที่จะเร่งการผลิตที่ไม่จำกัดเพียง การผลิตแผงโซล่าเซลล์ กังหันลม แต่ยังรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า
💠 งบประมาณยังครอบคลุมการให้เครดิตภาษีเพื่อการผลิตและการลงทุน ด้วยกรอบเวลา 10 ปี เพื่อเป็นการวางแผนระยะยาวอย่างยั่งยืน
💠 มีการจัดสรรงบประมาณกว่า $6 billion เพื่อที่จะลดมลพิษจากอุตสาหกรรมที่ย่อยสลายยาก อาทิ อุตสาหกรรมผลิตซีเมนต์ เคมี การผลิตเหล็ก
💠 มีการกำหนดให้ใช้เทคโนโลยีการดักจับแก๊สคาร์บอน เพื่อให้โรงงานนิวเคลียร์ยังสามารถดำเนินไปได้
💠 ลดการรั่วไหลของมีเธน ที่จะเป็นตัวสร้างสร้างแก๊สเรือนกระจก โดยมีการลงโทษด้วยการปรับในทุก ๆ ตันที่มีการปล่อย
📜เป็นโอกาสการลงทุนได้อย่างไร?
การผ่านร่างดังกล่าวได้เป็นตัวกระตุ้นและสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและได้เปิดพื้นที่ให้มีการบ่มเพาะเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งกักเก็บพลังงาน ไฮโดนเจนสีเขียว อีกทั้งยังได้สร้าง “การเปลี่ยนแปลงแบบทั้งห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งภายในสหรัฐฯ เอง และกับภาคีประเทศพันธมิตร
Alex Monk ผู้จัดการกองทุนด้าน Energy Transition ได้ให้ความคิดเห็นว่า “แน่นอนว่าการผ่านร่างนี้จะสามารถทำให้ผลประกอบการของบริษัทในอุตสาหกรรมแขนงนี้เติบโตระยะยาวได้ เพราะเป็นการทลายคอขวดที่เป็นข้อจำกัดเดิม ๆ ที่เคยเกิด ที่จะดำเนินต่อไปไม่ได้เลยหากไม่มีนโยบายสนับสนุนชิ้นนี้ ที่สำคัญคือได้ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันของต้นทุนให้ดียิ่งขึ้น
และนอกจากนี้ถ้ามีแรงสนับสนุนอื่นร่วมด้วยก็จะยิ่งเสริมกันและกันให้อุตสาหกรรมได้เติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะตัวอย่างตลาดพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับที่อยู่อาศัย ไม่ได้รับผลกระทบจากคอขวด เพราะจากแรงขับเคลื่อนด้านความต้องการของผู้บริโภคและต้นทุนที่ต่ำ
สุดท้ายนี้สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการยึดมั่นต่อระดับราคาเมื่อมีการประเมินบริษัทเพื่อที่จะลงทุน ต้องแน่ใจว่าเรากำลังลงทุนในธุรกิจที่มีคุณภาพที่มีความยั่งยืน บนระดับราคาที่สมเหตุสมผล
♟️ ให้ Schroders ผู้บริหารพอร์ตลงทุนระดับโลกดูแลพอร์ตของคุณ
นโยบายการลงทุนภายใต้แอปพลิเคชัน odini ผ่านพอร์ต Schroders Growth & Income โดยบริษัทจัดการลงทุนระดับโลก Schroders เป็นที่ปรึกษาในการจัดสรรสินทรัพย์ ด้วยกลยุทธ์กระจายการลงทุนแบบยืดหยุ่นไม่มีข้อจำกัด ด้วยการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์และสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง
อยากเริ่มลงทุนแล้ว คลิก odiniapp.co/3NZCMWQ
#odini
#แอปลงทุนกองทุนรวมอัตโนมัติ
#ลงทุนง่ายได้ทุกคน
*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
**การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน